(ช) “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
ข้อ 5. หลักการการคุ้มครองข้อมูล
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับพนักงานที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย จะต้อง
(ก) ถูกใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถูกใช้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
(ข) ถูกเก็บรวบรวมเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ที่มีเหตุอันสมควร ซึ่งบริษัทได้อธิบายชี้แจงให้พนักงานทราบอย่างชัดแจ้งและซึ่งจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้นๆ
(ค) เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของบริษัทซึ่งบริษัทได้แจ้งให้พนักงานทราบแล้ว และจะถูกจำกัดการใช้เพียงเท่าที่ระบุตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวเท่านั้น
(ง) ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
(จ) ถูกจัดเก็บรักษาไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ซึ่งบริษัทได้แจ้งให้พนักงานทราบแล้ว
(ฉ) ถูกจัดเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย
ข้อ 6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทเก็บรวบรวม (จากพนักงานโดยตรงหรือจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ หรือแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม) ใช้ หรือเปิดเผยนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพตำแหน่งของพนักงานและบทบาทของพนักงานภายในบริษัท และข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับในเขตอำนาจนั้นๆ
ข้อมูลส่วนบุคคลอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ
|
กลุ่มข้อมูลส่วนบุคคล
|
รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล
|
|
6.1รายละเอียดข้อมูลส่วนตัว รายละเอียดการติดต่อ และข้อมูลที่อาจระบุตัวบุคคลได้
|
วันเกิด อายุ เพศ สถานะสมรส หมายเลขประจำตัว หมายเลขประกันสังคม ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ ยานพาหนะ ข้อมูลการประกันภัย ข้อมูลการติดต่อกรณีฉุกเฉิน และพันธะ/ประวัติทางทหาร บันทึกวันเวลาทำงาน ระยะเวลางาน การทำงานล่วงเวลา การขาดงาน และการลา ซึ่งรวมถึงรูปภาพและภาพเคลื่อนไหวของพนักงานด้วย
|
|
6.2 ข้อมูลการบรรจุรับเข้าทำงานที่บริษัทขอ/ยื่นโดยพนักงาน/ที่ได้รับจากบุคคลที่สาม
|
ข้อมูลที่ขอหรือยื่นในระหว่างกระบวนการรับบรรจุเข้าทำงาน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดให้กระทำได้ ซึ่งรวมถึงประวัติส่วนตัว/ประวัติการทำงาน จดหมายหรือเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรอื่นใด (รวมถึงภาพถ่าย) ข้อมูลที่เกี่ยวกับพนักงานที่จัดส่งให้โดยบริษัทจัดหางาน ผู้จัดหางาน หรือเว็บไซต์หางาน
|
|
6.3 ข้อมูลที่จัดทำโดยบริษัทระหว่างการบรรจุรับเข้าทำงาน
|
ข้อมูลที่จัดทำโดยผู้สัมภาษณ์และผู้จัดหางานที่เกี่ยวกับพนักงาน โดยถือตามการปฎิสัมพันธ์ของบุคคลดังกล่าวกับพนักงาน หรือการค้นหาทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้
|
|
6.4 ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวของพนักงาน
|
ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส บุตร ผู้ปกครอง ผู้รับประโยชน์
|
|
6.5 เอกสารที่ต้องมีตามกฎหมายคนเข้าเมือง
|
สัญชาติ ข้อมูลหนังสือเดินทาง และรายละเอียดการมีถิ่นที่อยู่หรือใบอนุญาตทำงาน
|
|
6.6 ข้อมูลทางการเงิน
|
รายละเอียดข้อมูลธนาคารและรายละเอียดด้านการเงินอื่นๆ อันรวมถึงค่าจ้าง เงินเดือน รายได้ ภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บัญชีธนาคาร เงินกู้ยืม การหักภาษีหรือการได้รับยกเว้นภาษี การถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท ชื่อผู้ออกหลักทรัพย์
|
|
6.7 หนังสือรับรอง
|
ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือรับรองที่ออกให้พนักงานโดยผู้อื่น
|
|
6.8 ประวัติการทำงานและการตรวจสอบประวัติ
|
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของพนักงานก่อนหน้านี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาของพนักงาน ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นและอนุญาตให้เก็บช้อมูลนี้ได้ตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ประวัติสินเชื่อ ประวัติอาชญากรรม หรือข้อมูลอื่นใดที่ได้มีการเปิดเผยในระหว่างการตรวจสอบประวัติ
ข้อมูลอันจำเป็นเพื่อให้การตรวจสอบประวัติสามารถดำเนินการได้โดยสมบูรณ์ รายละเอียดเกี่ยวกับการตัดสินใจและผลลัพธ์ ในการปฎิบัติงาน ข้อเสนอแนะของการปฏิบัติงานและคำเตือน การเรียนรู้/การฝึกอบรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การสอบทานผลการปฏิบัติงานและการพัฒนาการปฏิบัติงาน (รวมถึงข้อมูลที่พนักงานให้เมื่อมีการร้องขอ/การขอรับข้อเสนอแนะการปฏิบัติงาน การจัดทำลำดับความสำคัญ การปรับข้อมูลของพนักงานให้เป็นปัจจุบันในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง) ใบอนุญาตขับรถ และข้อมูลการเป็นเจ้าของรถยนต์ และข้อมูลที่ใช้เพื่อระบุชีวประวัติ
|
|
6.9 ข้อมูลเกี่ยวกับความหลากหลาย
|
ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ/ภูมิลำเนา/ชาติพันธ์/ศาสนา/ความทุพพลภาพ/สถานภาพทางเพศ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อรัฐบาลตามที่กฎหมายกำหนด และเพื่อให้เข้าใจถึงลักษณะความหลากหลายของแรงงานของบริษัท ทั้งนี้ ภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
|
|
6.10 ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบและจรรยาบรรณธุรกิจ
|
ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งพฤติกรรม การกระทำที่ไม่ถูกต้อง การร้องเรียน และการสืบสวนทางวินัย ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการสอบสวนการขัดกันของผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลการถือหลักทรัพย์ของพนักงานและความสัมพันธ์ของพนักงานกับคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท
|
|
6.11 สำเนาเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ
|
สำเนาเอกสารต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ระบุตัวตนของพนักงานได้ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ทะเบียนบ้าน ใบอนุญาตขับรถ และเอกสารอื่นๆ ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ
|
|
6.12 ข้อมูลการประเมิน
|
ข้อมูลที่จัดทำจากการประเมินทางจิตวิทยา การประเมินทางเทคนิค หรือการประเมินความประพฤติของพนักงาน ตัวอย่างเช่น การทดสอบความถนัด พนักงานจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพการประเมินดังกล่าวก่อนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ดังกล่าว
|
|
6.13 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของพนักงาน
|
ข้อมูลเกี่ยวกับอุปลักษณะของพนักงาน เช่น นิสัย ความประพฤติ ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความมุ่งมั่นต่อองค์กร ข้อมูลเหล่านี้อาจมาจากการสังเกตของบริษัทและจากการวิเคราะห์ของพนักงานของบริษัทในระหว่างการทำงานหรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ หรือจากแบบสอบถามหรือแบบสำรวจใดๆ
|
|
6.14 ข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์
|
ข้อมูลเกี่ยวกับการที่พนักงานใช้และเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของบริษัท ระบบข้อมูล ระบบเว็บไซต์ ใบสมัคร ระบบเครือข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอีเมล์ บันทึกกิจกรรม ฯลฯ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของบริษัทและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
|
|
6.15 ข้อมูลอันจำเป็นสำหรับรายงานไปยังหน่วยงานกำกับดูแล
|
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานซึ่งต้องจัดทำและส่งรายงานดังกล่าวให้แก่หน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงแรงงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
|
|
6.16 ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการรักษาความปลอดภัย
|
ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์บุคคล เช่น ลายนิ้วมือ ภาพใบหน้า ม่านตา และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยภายในบริษัทเท่านั้น
|
|
6.17 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเพื่อวัตถุประสงค์ในการบรรจุเข้าทำงาน
|
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหวประเภทต่างๆ เมื่อได้รับอนุญาตให้กระทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมจากพนักงาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ/ข้อมูลทางการแพทย์ (รวมถึงสถานภาพความทุพพลภาพ) ข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ศาสนา เชื้อชาติ หรือชาติพันธุ์ และข้อมูลประวัติอาชญากรรมต่างๆ บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะกิจเท่านั้น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ/ข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกผู้ทุพพลภาพหรือผู้ป่วย (ตามขอบข่ายที่กฎหมายกำหนดด้านระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวนั้นและข้อจำกัดอื่นๆ ที่ใช้บังคับ) และเพื่อการจัดหาประโยชน์ให้แก่พนักงาน เพื่อการตรวจสอบประวัติและความหลากหลาย – ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง (เช่น เชื้อขาติหรือชาติพันธุ์) เพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามพันธะทางกฎหมายและนโยบายภายในเกี่ยวกับความหลากหลายและการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจะถูกเก็บรวบรวมก็ต่อเมื่อสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย และจะถูกใช้และเปิดเผยเพียงเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายเท่านั้น เว้นแต่พนักงานจะให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยดังกล่าวนั้น
|
เว้นแต่ข้อมูลบางประการที่กฎหมายกำหนดหรือตามนโยบายของบริษัท การตัดสินใจของพนักงานในอันที่จะจัดส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทนั้นเป็นความสมัครใจของพนักงานเอง ดังนั้น พนักงานไม่ต้องรับผิดต่อผลสืบเนื่องร้ายแรงใดๆ ถ้าพนักงานมิได้ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนแก่บริษัท อย่างไรก็ดี โปรดระลึกว่าถ้าพนักงานไม่ให้ข้อมูลบางประการ บริษัทย่อมไม่สามารถดำเนินการให้สัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์บางประการหรือทั้งหมดดังระบุในความเป็นส่วนตัวนี้ได้ และในกรณีเช่นนั้น พนักงานอาจไม่สามารถใช้อุปกรณ์และระบบต่างๆ ซึ่งจำต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการใช้อุปกรณ์และระบบต่างๆ นั้น
ข้อ 7. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามกฎหมายด้วยเหตุผลนานัปการ อันรวมถึงเหตุผลเพื่อ:
- ปฏิบัติตามพันธะภายใต้สัญญาว่าจ้างทำงานหรือพันธะทางสัญญาอื่นใด ซึ่งรวมถึงการจัดทำสัญญาจ้างแรงงาน การปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน การปฏิบัติตามกฎและระเบียบของการบริหารจัดการบุคลากรของบริษัท จรรยาบรรณของบริษัท การโยกย้ายพนักงาน การยืมตัว การฝึกอบรม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตำแหน่ง การบริหารค่าตอบแทน และการจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
- ปฏิบัติตามข้อกำหนด/พันธะทางกฎหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น
- ปกป้องผลประโยชน์ที่สำคัญของพนักงานหรือบุคคลอื่นใด เช่น ข้อมูลทางการแพทย์ในระหว่างการเกิดเหตุฉุกเฉิน
- ปฏิบัติงานเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อการใช้อำนาจที่นายจ้างพีงมี
- ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทหรือบุคคลที่สาม เช่น การจัดการทรัพยากรบุคคล การศึกษา วิเคราะห์ และจัดสรรกำลังคน การพัฒนาพนักงาน การจัดสวัสดิการทางการแพทย์ สวัสดิการประกันภัย และสวัสดิการอื่นๆ ของพนักงาน เช่น โรงพยาบาล โรงอาหาร ศูนย์กีฬา สถานที่ออกกำลังกาย กิจกรรมของพนักงาน การจัดการการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การโต้ตอบกับบุคคลที่สาม การดำเนินการต่างๆ ผ่านการลงทะเบียน การเผยแพร่เอกสาร การจัดทำรายงาน การส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล การระบุและยืนยันข้อมูลที่พนักงานให้มา การวิเคราะห์และการสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงาน การสื่อสาร การส่งข่าวสารและประชาสัมพันธ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การสร้างบัญชีผู้ใช้ การระบุตัวตนเพื่อเข้าถึงระบบงานและการเข้าถึงระบบข้อมูล ความปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม การสอบสวนและการจัดการข้อร้องเรียนและการฉ้อโกง กรณีหรือข้อพิพาท การจัดการพนักงานหลังจากการเลิกจ้างหรือเกษียณอายุ เป็นต้น
- ดำเนินกิจกรรมใดๆ โดยบริษัทได้รับความยินยอมจากพนักงานล่วงหน้าแล้ว
ข้อ 8. ระยะเวลาการถือครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะถูกเก็บรักษาเป็นระยะเวลานานตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ระบุหรือที่ตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่ระยะเวลาดังกล่าวไม่ได้มีการระบุไว้ชัดเจน บริษัทจะถือครองข้อมูลเป็นระยะเวลาอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามมาตรฐานการถือครองโดยทั่วไป เช่น อายุความ 10 ปีสำหรับการเรียกร้องทางกฎหมาย โดยบริษัทจะทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเมื่อระยะเวลาเก็บรักษาสิ้นสุดลงหรือเมื่อข้อมูลไม่เกี่ยวข้องหรือไม่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ข้อ 9. สิทธิของพนักงานในฐานะเจ้าของข้อมูล
ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พนักงานในฐานะผู้เป็นเจ้าของข้อมูลมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของตนดังต่อไปนี้
- ขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
- แจ้งให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ที่กฎหมายอนุญาตให้เก็บได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เมื่อใดก็ได้
- ขอให้บริษัท ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลจากระบบนั้น ข้อมูลดังกล่าวอาจจะยังคงได้รับการบันทึกหรือทำสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือระบบสำรอง (Backup System) ของบริษัท เพื่อป้องกันการเข้าสู่ระบบภายหลังโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเพื่อเป็นการสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดความผิดพลาด บกพร่อง หรือเกิดจากความขัดข้องของระบบ หรือในกรณีที่เกิดจากการกระทำใดๆ ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายของบุคคลหรือซอฟต์แวร์อื่น
- ขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด
- ถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้
- ร้องเรียนในกรณีที่บริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งพนักงานหรือผู้รับจ้างของบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตามบริษัท มีสิทธิปฏิเสธสิทธิของพนักงานงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้นโดยอาศัยเหตุตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในภายหน้าหรือกฎหมายอื่นได้อนุญาตไว้
ข้อ 10. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
บริษัทอาจเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้:
- บริษัทในเครือ เอจีซี
- บุคคลและนิติบุคคลที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ (“บุคคลที่สาม”) เพื่อวัตถุประสงค์ในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่แจ้งไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้ให้บริการจัดหางาน การจ้างงาน บริการรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การประเมินคุณสมบัติและความสามารถ และระบบสารสนเทศ สถาบันการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้เราสามารถดำเนินธุรกิจ ให้บริการ และบรรลุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่อธิบายไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานใช้มาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ประมวลผลข้อมูลอย่างถูกต้องและเท่าที่จำเป็น และป้องกันการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 11. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
- บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศหากจำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันในสัญญาจ้างแรงงาน หรือสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทและบุคคลที่สาม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของพนักงาน เพื่อปกป้องชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของพนักงานและบุคคลที่สาม เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
- บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลาวด์ที่จัดทำโดยบุคคลที่สาม และอาจใช้โปรแกรม แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและจะกำหนดให้บุคคลดังกล่าวมีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกโอนไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้รับการปกป้องและพนักงานสามารถใช้สิทธิได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้ บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานใช้มาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ประมวลผลข้อมูลอย่างถูกต้องและเท่าที่จำเป็น และป้องกันการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 12. มาตรการรักษาความปลอดภัย
- บริษัทได้นำมาตรฐานทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจากการสูญหาย การนำไปใช้ใช้ในทางที่ผิด และการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย หรือการทำลายโดยไม่ได้รับอนุญาต บริษัทใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้แน่ใจว่าเฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้
- บริษัทได้จัดเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ข้อ 13. ผู้ติดต่อ: เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่พนักงานพนักงานมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการที่จะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นในข้อ 9 กรุณาติดต่อ
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่อยู่: บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 944 อาคารมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330 ประเทศไทย
โทรศัพท์ +66 (0) 2 030 6800
โทรสาร +66 (0) 2 030 6801-2