ข้อ 1. บทนำ
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) มีผลบังคับใช้ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ในส่วนของการดำเนินการนั้น บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) มีพันธะหน้าที่ที่จะต้องจัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว พนักงานผู้รับจ้างภายนอก และพนักงานฝึกหัดพนักงานพนักงาน (เรียกรวมกันว่า“พนักงาน”)
ข้อ 2. วัตถุประสงค์ของประกาศความเป็นส่วนตัวของพนักงาน
ประกาศนี้มีจุดประสงค์ที่จะแจ้งให้พนักงานทราบถึง
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวมจากพนักงาน
2.2 วัตถุประสงค์ของเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
2.3 สิทธิของพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 3. ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ใช้บังคับกับ
พนักงานทุกคนของบริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
ข้อ 4. คำจำกัดความ
(ก) “บริษัท” หมายถึง บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
(ข) “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งสามารถใช้ระบุเอกลักษณ์ของบุคคลนั้นได้ ทั้งนี้ มิได้หมายความรวมถึงข้อมูลที่เอกลักษณ์ได้ถูกนำออกจากระบบแล้ว (ข้อมูลนิรนาม) และข้อมูลของบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นรวมถึงข้อมูลใดๆ เช่น ชื่อพนักงาน ที่อยู่ของพนักงาน คำนำหน้านามของพนักงาน รูปภาพของพนักงาน ที่อยู่อีเมลของพนักงาน หมายเลขโทรศัพท์ของพนักงาน หมายเลขโทรสารของพนักงาน ประวัติการศึกษาของพนักงาน ประวัติการทำงานของพนักงาน คุณวุฒิของพนักงาน หมายเลขบัญชีธนาคารของพนักงาน
(ค) “ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจและหน้าที่ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
(ง) “ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งที่ออกโดยหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล โดยที่บุคคลหรือนิติบุคคลดังกล่าวมิใช่ผู้ควบคุมข้อมูล
(จ) “การประมวลผลข้อมูล” หมายถึง การดำเนินการใดๆ หรือชุดการดำเนินการใดๆ ที่กระทำกับข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การจัดทำโครงสร้าง การเก็บรักษา การดัดแปลงหรือการปรับเปลี่ยนแปลง การกู้คืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผยโดยการส่งผ่าน การเผยแพร่ หรือการกระทำอื่นใดเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล การปรับหรือการเรียบเรียง การจำกัด การลบ หรือการทำลาย
(ฉ) “เจ้าของข้อมูล” หมายถึง บุคคลซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ถูกเก็บรวบรวม ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ เจ้าของข้อมูลคือพนักงาน
(ช) “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
ข้อ 5. หลักการการคุ้มครองข้อมูล
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับพนักงานที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย จะต้อง
(ก) ถูกใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถูกใช้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
(ข) ถูกเก็บรวบรวมเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ที่มีเหตุอันสมควร ซึ่งบริษัทได้อธิบายชี้แจงให้พนักงานทราบอย่างชัดแจ้งและซึ่งจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้นๆ
(ค) เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของบริษัทซึ่งบริษัทได้แจ้งให้พนักงานทราบแล้ว และจะถูกจำกัดการใช้เพียงเท่าที่ระบุตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวเท่านั้น
(ง) ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
(จ) ถูกจัดเก็บรักษาไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ซึ่งบริษัทได้แจ้งให้พนักงานทราบแล้ว
(ฉ) ถูกจัดเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย
ข้อ 6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทเก็บรวบรวม (จากพนักงานโดยตรงหรือจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ หรือแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม) ใช้ หรือเปิดเผยนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพตำแหน่งของพนักงานและบทบาทของพนักงานภายในบริษัท และข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับในเขตอำนาจนั้นๆ
ข้อมูลส่วนบุคคลอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ
|
กลุ่มข้อมูลส่วนบุคคล
|
รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล
|
|
6.1รายละเอียดข้อมูลส่วนตัว รายละเอียดการติดต่อ และข้อมูลที่อาจระบุตัวบุคคลได้
|
วันเกิด อายุ เพศ สถานะสมรส หมายเลขประจำตัว หมายเลขประกันสังคม ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ ยานพาหนะ ข้อมูลการประกันภัย ข้อมูลการติดต่อกรณีฉุกเฉิน และพันธะ/ประวัติทางทหาร บันทึกวันเวลาทำงาน ระยะเวลางาน การทำงานล่วงเวลา การขาดงาน และการลา ซึ่งรวมถึงรูปภาพและภาพเคลื่อนไหวของพนักงานด้วย
|
|
6.2 ข้อมูลการบรรจุรับเข้าทำงานที่บริษัทขอ/ยื่นโดยพนักงาน/ที่ได้รับจากบุคคลที่สาม
|
ข้อมูลที่ขอหรือยื่นในระหว่างกระบวนการรับบรรจุเข้าทำงาน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดให้กระทำได้ ซึ่งรวมถึงประวัติส่วนตัว/ประวัติการทำงาน จดหมายหรือเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรอื่นใด (รวมถึงภาพถ่าย) ข้อมูลที่เกี่ยวกับพนักงานที่จัดส่งให้โดยบริษัทจัดหางาน ผู้จัดหางาน หรือเว็บไซต์หางาน
|
|
6.3 ข้อมูลที่จัดทำโดยบริษัทระหว่างการบรรจุรับเข้าทำงาน
|
ข้อมูลที่จัดทำโดยผู้สัมภาษณ์และผู้จัดหางานที่เกี่ยวกับพนักงาน โดยถือตามการปฎิสัมพันธ์ของบุคคลดังกล่าวกับพนักงาน หรือการค้นหาทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้
|
|
6.4 ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวของพนักงาน
|
ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส บุตร ผู้ปกครอง ผู้รับประโยชน์
|
|
6.5 เอกสารที่ต้องมีตามกฎหมายคนเข้าเมือง
|
สัญชาติ ข้อมูลหนังสือเดินทาง และรายละเอียดการมีถิ่นที่อยู่หรือใบอนุญาตทำงาน
|
|
6.6 ข้อมูลทางการเงิน
|
รายละเอียดข้อมูลธนาคารและรายละเอียดด้านการเงินอื่นๆ อันรวมถึงค่าจ้าง เงินเดือน รายได้ ภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บัญชีธนาคาร เงินกู้ยืม การหักภาษีหรือการได้รับยกเว้นภาษี การถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท ชื่อผู้ออกหลักทรัพย์
|
|
6.7 หนังสือรับรอง
|
ข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือรับรองที่ออกให้พนักงานโดยผู้อื่น
|
|
6.8 ประวัติการทำงานและการตรวจสอบประวัติ
|
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของพนักงานก่อนหน้านี้ ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาของพนักงาน ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นและอนุญาตให้เก็บช้อมูลนี้ได้ตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ประวัติสินเชื่อ ประวัติอาชญากรรม หรือข้อมูลอื่นใดที่ได้มีการเปิดเผยในระหว่างการตรวจสอบประวัติ
ข้อมูลอันจำเป็นเพื่อให้การตรวจสอบประวัติสามารถดำเนินการได้โดยสมบูรณ์ รายละเอียดเกี่ยวกับการตัดสินใจและผลลัพธ์ ในการปฎิบัติงาน ข้อเสนอแนะของการปฏิบัติงานและคำเตือน การเรียนรู้/การฝึกอบรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การสอบทานผลการปฏิบัติงานและการพัฒนาการปฏิบัติงาน (รวมถึงข้อมูลที่พนักงานให้เมื่อมีการร้องขอ/การขอรับข้อเสนอแนะการปฏิบัติงาน การจัดทำลำดับความสำคัญ การปรับข้อมูลของพนักงานให้เป็นปัจจุบันในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง) ใบอนุญาตขับรถ และข้อมูลการเป็นเจ้าของรถยนต์ และข้อมูลที่ใช้เพื่อระบุชีวประวัติ
|
|
6.9 ข้อมูลเกี่ยวกับความหลากหลาย
|
ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ/ภูมิลำเนา/ชาติพันธ์/ศาสนา/ความทุพพลภาพ/สถานภาพทางเพศ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อรัฐบาลตามที่กฎหมายกำหนด และเพื่อให้เข้าใจถึงลักษณะความหลากหลายของแรงงานของบริษัท ทั้งนี้ ภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
|
|
6.10 ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบและจรรยาบรรณธุรกิจ
|
ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งพฤติกรรม การกระทำที่ไม่ถูกต้อง การร้องเรียน และการสืบสวนทางวินัย ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการสอบสวนการขัดกันของผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลการถือหลักทรัพย์ของพนักงานและความสัมพันธ์ของพนักงานกับคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท
|
|
6.11 สำเนาเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ
|
สำเนาเอกสารต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ระบุตัวตนของพนักงานได้ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ทะเบียนบ้าน ใบอนุญาตขับรถ และเอกสารอื่นๆ ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ
|
|
6.12 ข้อมูลการประเมิน
|
ข้อมูลที่จัดทำจากการประเมินทางจิตวิทยา การประเมินทางเทคนิค หรือการประเมินความประพฤติของพนักงาน ตัวอย่างเช่น การทดสอบความถนัด พนักงานจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพการประเมินดังกล่าวก่อนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ดังกล่าว
|
|
6.13 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของพนักงาน
|
ข้อมูลเกี่ยวกับอุปลักษณะของพนักงาน เช่น นิสัย ความประพฤติ ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความมุ่งมั่นต่อองค์กร ข้อมูลเหล่านี้อาจมาจากการสังเกตของบริษัทและจากการวิเคราะห์ของพนักงานของบริษัทในระหว่างการทำงานหรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ หรือจากแบบสอบถามหรือแบบสำรวจใดๆ
|
|
6.14 ข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์
|
ข้อมูลเกี่ยวกับการที่พนักงานใช้และเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของบริษัท ระบบข้อมูล ระบบเว็บไซต์ ใบสมัคร ระบบเครือข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอีเมล์ บันทึกกิจกรรม ฯลฯ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของบริษัทและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
|
|
6.15 ข้อมูลอันจำเป็นสำหรับรายงานไปยังหน่วยงานกำกับดูแล
|
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานซึ่งต้องจัดทำและส่งรายงานดังกล่าวให้แก่หน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงแรงงาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
|
|
6.16 ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการรักษาความปลอดภัย
|
ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์บุคคล เช่น ลายนิ้วมือ ภาพใบหน้า ม่านตา และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยภายในบริษัทเท่านั้น
|
|
6.17 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเพื่อวัตถุประสงค์ในการบรรจุเข้าทำงาน
|
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหวประเภทต่างๆ เมื่อได้รับอนุญาตให้กระทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมจากพนักงาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ/ข้อมูลทางการแพทย์ (รวมถึงสถานภาพความทุพพลภาพ) ข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ศาสนา เชื้อชาติ หรือชาติพันธุ์ และข้อมูลประวัติอาชญากรรมต่างๆ บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะกิจเท่านั้น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ/ข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกผู้ทุพพลภาพหรือผู้ป่วย (ตามขอบข่ายที่กฎหมายกำหนดด้านระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวนั้นและข้อจำกัดอื่นๆ ที่ใช้บังคับ) และเพื่อการจัดหาประโยชน์ให้แก่พนักงาน เพื่อการตรวจสอบประวัติและความหลากหลาย – ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง (เช่น เชื้อขาติหรือชาติพันธุ์) เพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามพันธะทางกฎหมายและนโยบายภายในเกี่ยวกับความหลากหลายและการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจะถูกเก็บรวบรวมก็ต่อเมื่อสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย และจะถูกใช้และเปิดเผยเพียงเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายเท่านั้น เว้นแต่พนักงานจะให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยดังกล่าวนั้น
|
เว้นแต่ข้อมูลบางประการที่กฎหมายกำหนดหรือตามนโยบายของบริษัท การตัดสินใจของพนักงานในอันที่จะจัดส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทนั้นเป็นความสมัครใจของพนักงานเอง ดังนั้น พนักงานไม่ต้องรับผิดต่อผลสืบเนื่องร้ายแรงใดๆ ถ้าพนักงานมิได้ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนแก่บริษัท อย่างไรก็ดี โปรดระลึกว่าถ้าพนักงานไม่ให้ข้อมูลบางประการ บริษัทย่อมไม่สามารถดำเนินการให้สัมฤทธิผลตามวัตถุประสงค์บางประการหรือทั้งหมดดังระบุในความเป็นส่วนตัวนี้ได้ และในกรณีเช่นนั้น พนักงานอาจไม่สามารถใช้อุปกรณ์และระบบต่างๆ ซึ่งจำต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการใช้อุปกรณ์และระบบต่างๆ นั้น
ข้อ 7. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามกฎหมายด้วยเหตุผลนานัปการ อันรวมถึงเหตุผลเพื่อ:
- ปฏิบัติตามพันธะภายใต้สัญญาว่าจ้างทำงานหรือพันธะทางสัญญาอื่นใด ซึ่งรวมถึงการจัดทำสัญญาจ้างแรงงาน การปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน การปฏิบัติตามกฎและระเบียบของการบริหารจัดการบุคลากรของบริษัท จรรยาบรรณของบริษัท การโยกย้ายพนักงาน การยืมตัว การฝึกอบรม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตำแหน่ง การบริหารค่าตอบแทน และการจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
- ปฏิบัติตามข้อกำหนด/พันธะทางกฎหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น
- ปกป้องผลประโยชน์ที่สำคัญของพนักงานหรือบุคคลอื่นใด เช่น ข้อมูลทางการแพทย์ในระหว่างการเกิดเหตุฉุกเฉิน
- ปฏิบัติงานเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อการใช้อำนาจที่นายจ้างพีงมี
- ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทหรือบุคคลที่สาม เช่น การจัดการทรัพยากรบุคคล การศึกษา วิเคราะห์ และจัดสรรกำลังคน การพัฒนาพนักงาน การจัดสวัสดิการทางการแพทย์ สวัสดิการประกันภัย และสวัสดิการอื่นๆ ของพนักงาน เช่น โรงพยาบาล โรงอาหาร ศูนย์กีฬา สถานที่ออกกำลังกาย กิจกรรมของพนักงาน การจัดการการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การโต้ตอบกับบุคคลที่สาม การดำเนินการต่างๆ ผ่านการลงทะเบียน การเผยแพร่เอกสาร การจัดทำรายงาน การส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล การระบุและยืนยันข้อมูลที่พนักงานให้มา การวิเคราะห์และการสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงาน การสื่อสาร การส่งข่าวสารและประชาสัมพันธ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การสร้างบัญชีผู้ใช้ การระบุตัวตนเพื่อเข้าถึงระบบงานและการเข้าถึงระบบข้อมูล ความปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม การสอบสวนและการจัดการข้อร้องเรียนและการฉ้อโกง กรณีหรือข้อพิพาท การจัดการพนักงานหลังจากการเลิกจ้างหรือเกษียณอายุ เป็นต้น
- ดำเนินกิจกรรมใดๆ โดยบริษัทได้รับความยินยอมจากพนักงานล่วงหน้าแล้ว
ข้อ 8. ระยะเวลาการถือครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะถูกเก็บรักษาเป็นระยะเวลานานตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ระบุหรือที่ตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่ระยะเวลาดังกล่าวไม่ได้มีการระบุไว้ชัดเจน บริษัทจะถือครองข้อมูลเป็นระยะเวลาอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามมาตรฐานการถือครองโดยทั่วไป เช่น อายุความ 10 ปีสำหรับการเรียกร้องทางกฎหมาย โดยบริษัทจะทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเมื่อระยะเวลาเก็บรักษาสิ้นสุดลงหรือเมื่อข้อมูลไม่เกี่ยวข้องหรือไม่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ข้อ 9. สิทธิของพนักงานในฐานะเจ้าของข้อมูล
ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พนักงานในฐานะผู้เป็นเจ้าของข้อมูลมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของตนดังต่อไปนี้
- ขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
- แจ้งให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน ที่กฎหมายอนุญาตให้เก็บได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เมื่อใดก็ได้
- ขอให้บริษัท ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่มีการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลจากระบบนั้น ข้อมูลดังกล่าวอาจจะยังคงได้รับการบันทึกหรือทำสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือระบบสำรอง (Backup System) ของบริษัท เพื่อป้องกันการเข้าสู่ระบบภายหลังโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือเพื่อเป็นการสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดความผิดพลาด บกพร่อง หรือเกิดจากความขัดข้องของระบบ หรือในกรณีที่เกิดจากการกระทำใดๆ ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายของบุคคลหรือซอฟต์แวร์อื่น
- ขอให้บริษัท ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีตามที่กฎหมายกำหนด
- ถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้
- ร้องเรียนในกรณีที่บริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งพนักงานหรือผู้รับจ้างของบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตามบริษัท มีสิทธิปฏิเสธสิทธิของพนักงานงานในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ข้างต้นโดยอาศัยเหตุตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในภายหน้าหรือกฎหมายอื่นได้อนุญาตไว้
ข้อ 10. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
บริษัทอาจเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้:
- บริษัทในเครือ เอจีซี
- บุคคลและนิติบุคคลที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ (“บุคคลที่สาม”) เพื่อวัตถุประสงค์ในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่แจ้งไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้ให้บริการจัดหางาน การจ้างงาน บริการรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การประเมินคุณสมบัติและความสามารถ และระบบสารสนเทศ สถาบันการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้เราสามารถดำเนินธุรกิจ ให้บริการ และบรรลุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่อธิบายไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานใช้มาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ประมวลผลข้อมูลอย่างถูกต้องและเท่าที่จำเป็น และป้องกันการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 11. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
- บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศหากจำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันในสัญญาจ้างแรงงาน หรือสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทและบุคคลที่สาม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของพนักงาน เพื่อปกป้องชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของพนักงานและบุคคลที่สาม เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
- บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลาวด์ที่จัดทำโดยบุคคลที่สาม และอาจใช้โปรแกรม แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและจะกำหนดให้บุคคลดังกล่าวมีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกโอนไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้รับการปกป้องและพนักงานสามารถใช้สิทธิได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้ บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานใช้มาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ประมวลผลข้อมูลอย่างถูกต้องและเท่าที่จำเป็น และป้องกันการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 12. มาตรการรักษาความปลอดภัย
- บริษัทได้นำมาตรฐานทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจากการสูญหาย การนำไปใช้ใช้ในทางที่ผิด และการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย หรือการทำลายโดยไม่ได้รับอนุญาต บริษัทใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้แน่ใจว่าเฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้
- บริษัทได้จัดเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ข้อ 13. ผู้ติดต่อ: เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่พนักงานพนักงานมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการที่จะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นในข้อ 9 กรุณาติดต่อ
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่อยู่: บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 944 อาคารมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330 ประเทศไทย
โทรศัพท์ +66 (0) 2 030 6800
โทรสาร +66 (0) 2 030 6801-2